ประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์บ้าน Refinance แล้วช่วยปิดหนี้ได้ไวขึ้นจริงหรือ?
สำหรับคนที่ทำการผ่อนชำระบ้านอยู่คงเคยได้ยินเรื่องการรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) มาบ้างแล้ว สำหรับการรีแนนซ์บ้านนับอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถลดระยะเวลาในการผ่อนบ้านรวมถึงช่วยลดดอกเบี้ยบ้านที่จะต้องจ่าย เพราะเมื่อคุณทำการผ่อนบ้านไปสักระยะหนึ่งแล้วจะเห็นได้ว่าจากสัญญาการกู้ซื้อบ้านหรือสัญญาการขอสินเชื่อบ้านนั้นดอกเบี้ยบ้านมักจะถูกปรับเพิ่มขึ้น ทำให้การผ่อนบ้านในแต่ละเดือนมียอดการชำระสินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้นตามซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของคุณได้ การรีไฟแนนซ์บ้านจึงเป็นหนึ่งทางออกที่จะช่วยลดภาระทางการเงินของผู้ที่กำลังทำการผ่อนบ้านอยู่ได้ โดยการรีไฟแนนซ์ก็คือการทำสัญญาสินเชื่อบ้านกับสถาบันการเงินหรือธนาคารแห่งใหม่ โดยสามารถทำการรีไฟแนนซ์ได้หลังจากสิ้นสุดสัญญาสินเชื่อกับธนาคารเดิมหรือครบกำหนดสัญญาที่ทางธนาคารเดิมกำหนดให้สามารถยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารใหม่ได้ โดยการรีไฟแนนซ์นั้นก็เปรียบเสมือนการยื่นกู้ใหม่กับสถาบันการเงินหรือธนาคารแห่งใหม่เพื่อผ่อนหนี้ก้อนใหม่ในอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะสามารถทำการรีไฟแนนซ์ได้หลังจากครบกำหนดผ่อนสินเชื่อกู้บ้าน 3 ปี และการรีไฟแนนซ์กับธนาคารแห่งใหม่นั้นยังสามารถเลือกปรับลดหรือเพิ่มวงวงเงินกู้รวมถึงระยะเวลาในการกู้ได้ตามความเหมาะสมอีกด้วย โดยประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์บ้าน มีดังนี้
ช่วยลดอัตราดอกเบี้ยและช่วยให้ภาระการผ่อนบ้านในแต่ละเดือนลดลง
ข้อดีอย่างแรกของการรีไฟแนนซ์คือ ช่วยลดอัตราดอกเบี้ยบ้าน เพราะการรีไฟแนนซ์ทำให้คุณได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง เนื่องจากเมื่อมีการทำสัญญาสินเชื่อใหม่และอัตราการคิดดอกเบี้ยในช่วงปีแรก ๆ ก็จะมีอัตราที่ต่ำลงโดยอัตราดอกเบี้ยก็จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถาบันการเงินหรือธนาคารแต่ละแห่ง ซึ่งการมีอัตราดอกเบี้ยลดลงก็จะทำให้สามารถตัดเงินต้นได้มากขึ้น ทั้งยังส่งผลให้ภาระการผ่อนบ้านในแต่ละเดือนนั้นลดลงด้วย รวมถึงยังช่วยให้มีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้นอีกต่างหาก
สามารถปรับเปลี่ยนวงเงินในการขอสินเชื่อและปรับระยะเวลาในการผ่อนบ้านได้
สำหรับการรีไฟแนนซ์นอกจากจะทำให้เราได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงแล้ว ยังสามารถปรับเปลี่ยนวงเงินในการขอสินเชื่อได้ ซึ่งการปรับวงเงินในการกู้ให้สูงขึ้นก็เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนทำเมื่อรีไฟแนนซ์บ้าน เพราะจะทำให้ได้ส่วนต่างจากวงเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในกรณีการขอปรับวงเงินกู้เพิ่มนี้ก็จำเป็นจะต้องพิจารณาหลาย ๆ ปัจจัยประกอบด้วย
ช่วยให้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้น
นอกจากประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์ที่ได้กล่าวมาใน 2 ข้อข้างต้น การรีไฟแนนซ์ก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนระยะเวลาในการผ่อนบ้านได้ด้วย ซึ่งสามารถเลือกปรับระยะเวลาสินเชื่อให้สั้นลงได้ เพื่อสามารถปิดหนี้สินเชื่อได้เร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง และยิ่งหากเรารู้จักการวางแผนเรื่องสินเชื่อและรู้เทคนิคในการรีไฟแนนซ์บ้านแล้วก็ยิ่งช่วยให้เราสามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้นถึง 3 - 5 ปีเลยทีเดียว
ซึ่งหากคุณกำลังหาข้อมูลหรือกำลังตัดสินใจยื่นเรื่องเพื่อขอรีไฟแนนซ์บ้าน ก่อนจะรีไฟแนนซ์ถ้าจะให้ดีเราก็ควรจะหาข้อมูลและศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ให้ดี เพราะหาข้อมูลและศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ก็จะทำให้เราสามารถคำนวณความคุ้มค่าในการรีไฟแนนซ์เบื้องต้นได้ โดยก่อนที่จะทำการรีไฟแนนซ์เราก็สามารถปฏิบัติได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. ตรวจสอบสัญญาการทำสินเชื่อเดิม
ก่อนจะตัดสินใจรีไฟแนนซ์ ก่อนอื่นควรตรวจสอบสัญญาการทำสินเชื่อเดิมให้ดีก่อนว่าเราผ่อนชำระสินเชื่อมาเดิน 3 ปีแล้วหรือยัง และมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดอะไรเพิ่มเติมหรือไม่หากต้องการทำการรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันทางการเงินแห่งใหม่
2. เปรียบเทียบเงื่อนไขของสถาบันการเงินหรือธนาคารแต่ละแห่ง
ด้วยความที่เงื่อนไขต่าง ๆ ของสถาบันการเงินหรือธนาคารแต่ละแห่งย่อมมีรายละเอียดและเงื่อไขที่กำหนดเอาไว้แตกต่างกันออกไป ดังนั้น เราจึงควรพิจารณารายเอียดและเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อที่เราจะได้รับประโยชน์ในการไฟแนนซ์ให้มากที่สุด โดยควรพิจารณาเลือกสินเชื่อกับสถาบันทางการเงินแห่งใหม่ที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ ณ ปัจจุบันที่เราทำสัญญาไว้
3. เช็คค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนอื่น ๆ
นอกจากการศึกษารายละเอียดและเปรียบเทียบข้อมูลของแต่ละธนาคารแล้ว อีกสิ่งสำคัญก็คือการเช็คค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนต่าง ๆ เนื่องด้วยการรีไฟแนนซ์นั้นก็เปรียบเสมือนการยื่นกู้ใหม่กับธนาคารหรือสถาบันทางการเงินแห่งใหม่ ดังนั้น ก็อาจมีค่าใช้จ่ายอย่างเช่น ค่าธรรมเนียมในการขอสินเชื่อ, ค่าจดจำนอง, ค่าประเมินมูลค่าหลักประกัน หรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการทำสินเชื่อ เป็นต้น ซึ่งหลาย ๆ ธนาคารก็มีการยื่นข้อเสนอเพื่อจูงใจในการตัดสินใจรีไฟแนนซ์แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะตรวจเช็คเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เราอาจจะต้องจ่ายเพิ่มด้วย
4. วิเคราะห์และตัดสินใจ
หลังจากศึกษาข้อมูลและดูเงื่อนไขต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องเก็บเอาเงื่อนไข ข้อมูลรวมถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมต่าง ๆ มาวิเคราะห์ให้ดีว่าการรีไฟแนนซ์นัน้มีความคุ้มค่าหรือไม่ หากวิเคราะห์แล้วว่าคุ้มค่าก็สามารถติดต่อธนาคารเพื่อทำการยื่นเอกสารรีไฟแนนซืได้เลย กรณีต้องการขอวงเงินสินเชื่อก็อย่าลืมเลือกสถาบันการเงินหรือธนาคารที่ต้องการยื่นรีไฟแนนซ์เอาไว้สัก 3 แห่งแล้วทำการยื่นเอกสารกับสถาบันทางการเงินทั้ง 3 ที่เพื่อเพิ่มโอกาสในการขอรีไฟแนนซ์ให้มีมากขึ้นด้วยนะคะ
...