แชร์ทริคผ่อนบ้านให้หมดไว ไม่ต้องใช้เวลาถึง 30 ปี
การมีบ้านเป็นของตัวเองนับเป็นความฝันสูงสุดของใครหลาย ๆ คน และบ้านยังนับเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าค่อนข้างสูงมาก ดังนั้น การที่ใครหลายคนจะซื้อบ้านของตัวเองจึงจำเป็นต้องทำการขอสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้านจากสถาบันการเงินหรือธนาคารต่าง ๆ ซึ่งการขอสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้านจึงมีระยะเวลาในการทำสัญญาเพื่อผ่อนชำระค่อนข้างนาน และโดยส่วนใหญ่นั้นมักจะมีระยะเวลาการกู้นานถึง 30 – 40 ปี โดยที่เราจะต้องทำการผ่อนชำระเงินกู้ให้กับสถาบันการเงินหรือธนาคารไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะผ่อนหมด ซึ่งยิ่งใช้เวลาผ่อนบ้านนานเท่าไหร่ เราก็ย่อมจะต้องรับภาระเรื่องดอกเบี้ยบ้านที่มีจำนวนค่อนข้างมากตามไปด้วย ใครหลายคนจึงพยายามปิดหนี้บ้านให้ไวที่สุด วันนี้ทางโครงการแสนสราญจึงจะมาแชร์ทริคผ่อนบ้านให้หมดไว โดยไม่ต้องใช้เวลาถึง 30 ปีให้กับทุกคนกันค่ะ ลองมาดูกันเลยว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ผ่อนบ้านให้หมดได้ไวขึ้น
บริหารหนี้ให้เป็น เน้นเรื่องการไม่สร้างหนี้เพิ่ม
สำหรับคนที่ผ่อนบ้านให้หมดไวสิ่งสำคัญที่สุดอันดับแรกเลยก็คือ การบริหารหนี้เป็น เพราะจะทำให้สามารถปลดหนี้ได้เร็วยิ่งขึ้น โดยก่อนที่จะผ่อนบ้านก็ควรมีการจัดการเรื่องการเงินและวางแผนทางการเงินระยะยาว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในเรื่องของการเงินตามมาในภายหลัง ซึ่งในการวางแผนการเงินนั้นจะต้องทำการวางแผนทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันรวมไปจนถึงเรื่องการเก็บออมเงิน และยังควรหลีกเลี่ยงในการเพิ่มภาระหนี้สินในด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยให้เรียงลำดับความสำคัญว่าสิ่งไหนจำเป็นหรือไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาติดขัดเมื่อจะต้องทำการผ่อนชำระหนี้บ้าน
พยายามผ่อนชำระเงินค่าบ้านในแต่ละงวดให้เกินกว่าค่างวดในแต่ละเดือนที่ต้องชำระ
ในการผ่อนชำระหนี้บ้านแต่ละงวดนั้นโดยปกติทางสถาบันการเงินหรือธนาคารนั้นจะแบ่งส่วนการชำระออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งได้แก่ ส่วนของเงินต้นและส่วนของดอกเบี้ย ซึ่งในช่วงปีแรก ๆ ของการผ่อนชำระค่าบ้านนั้นจะมีอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ หากมีการผ่อนเงินงวดเกินก็จะทำให้สามารถชำระเงินต้นได้มากขึ้นและดอกเบี้ยยังลดลงอีกด้วย โดยอาจจะจ่ายเพิ่มงวดละ 3,000 – 10,000 บาทตามแต่กำลัง ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการผ่อนชำระสินเชื่อบ้านจาก 30 – 40 ปี ให้เหลือที่ 10 – 15 ปีเพียงเท่านั้น แต่ก็จำเป็นจะต้องจ่ายเงินค่างวดบ้านให้เกินจำนวนอยู่อย่างสม่ำเสมอในแต่ละเดือน
ผ่อนชำระเงินค่าบ้านให้ตรงเวลา
สำหรับการผ่อนชำระค่าบ้าน ควรจะต้องทำการผ่อนชำระให้ตรงเวลา เพื่อไม่ให้เสียค่าดอกเบี้ยเพิ่มและยังเป็นการช่วยเพิ่มเครดิตของคุณกับทางสถาบันการเงินหรือธนาคารอีกด้วย ซึ่งการที่มีเครดิตดีก็จะทำให้คุณขยับฐานไปเป็นผู้กู้ชั้นดีของถาบันการเงินหรือธนาคารนั้น ๆ ซึ่งจะส่งผลให้การทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ในอนาคตถูกพิจารณาได้ง่ายมากยิ่งขึ้นด้วย
เลือกโปะบ้านเพิ่มในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำหรือช่วงที่ดอกเบี้ยลดลง
สำหรับการโปะยอดผ่อนบ้านเพิ่มในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำหรือช่วงที่ดอกเบี้ยลดลง ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เงินต้นและดอกเบี้ยบ้านนั้นมีจำนวนลดลง ซึ่งก็จะส่งผลให้คุณสามารถผ่อนบ้านหมดได้ไวยิ่งขึ้น โดยการโปะบ้านเป็นวิธีการชำระเงินโดยการจ่ายเงินผ่อนบ้านในแต่เดือนให้มากกว่าเงินค่างวดปกติด้วยการเพิ่มเงินก้อน ซึ่งเงินก้อนที่คุณจ่ายหรือโปะเพิ่มเข้าไปนั้นก็จะถูกนำไปหักเข้าเงินต้น 100% ซึ่งก็จะทำให้ยอดหนี้บ้านลดลงเร็วขึ้น โดยอาจจะเลือกโปะเงินก้อนปีละ 1 ครั้งตามแต่กำลังที่คุณจะสามารถทำได้ ทั้งนี้เมื่อเงินต้นลดลง อัตราดอกเบี้ยในเดือนถัดไปก็จะปรับลดตามด้วยเช่นกัน
ขอรีไฟแนนซ์ (Refinance) หรือขอรีเทนชั่น (Retention) เพื่อลดอัตราดอกเบี้ย
โดยปกติแล้วสินเชื่อบ้านที่เราทำกับทางสถาบันการเงินหรือธนาคารจะมีอตราดอกเบี้ยต่ำในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งหลังจากผ่าน 3 ปีแรกไปอัตราดอกเบี้ยก็จะถูกปรับขึ้นหรือปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยเป็นแบบ MRR (Minimum Retail Rate) หรืออัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายนั้นสูงขึ้น การขอรีไฟแนนซ์ (Refinance) หรือขอรีเทนชั่น (Retention) จึงเป็นอีกตัวเลือกสำคัญที่ทำให้เราสามารถทำการผ่อนบ้านให้หมดได้เร็วยิ่งขึ้นและยังลดทั้งเงินต้น ลดทั้งดอกเบี้ยไปในคราวเดียวกัน โดยการทำรีไฟแนนซ์ (Refinance) จะเป็นการขอสินเชื่อเพื่อกู้บ้านจากสถาบันการเงินหรือธนาคารแห่งใหม่ ซึ่งจะทำให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเดิน ส่วนการทำรีเทนชั่น (Retention) เป็นการขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยกับทางสถาบันการเงินหรือธนาคารแห่งเดิม โดยเป็นวิธีที่ค่อนข้างง่ายและสะดวกสบายกว่าการขอรีไฟแนนซ์ เพราะไม่ต้องเริ่มยื่นเอกสารใหม่ทั้งหมด แต่อาจจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงไม่เท่าการรีไฟแนนซ์ ทั้งนี้ ก็ขึ้นยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบันทางการเงินหรือธนาคารต่าง ๆ ด้วย ดั้งนั้น ก่อนจะเลือกรีไฟแนซ์หรือรีเทนชั่นก็ควรศึกษารายละเอียดและข้อมูลก่อนว่าแบบไหนที่จะคุ้มค่ากว่ากัน เพราะบางที่การขอรีเทนชั่นกับทางสถาบันการเงินหรือธนาคารแห่งเดิมก็มีมีบ้างที่จะได้อัตราดอกบี้ยที่คุ้ค่ากว่าการทำรีไฟแนนซ์เช่นกัน
...