ทำความรู้จักประเภทดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน


ทำความรู้จักประเภทดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน


การจะตัดสินในลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือซื้อบ้านสักหนึ่งหลังเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากเรื่องหนึ่ง เพราะต้องอาศัยการพิจารณองค์ประกอบต่าง ๆ หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคุ้มค่า ความเหมาะสม ความตอบโจทยฺและเรื่องของงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งสำหรับคนที่จะซื้อบ้านส่วนใหญ่ก็มักเลือกที่จะขอสินเชื่อสำหรับกู้บ้านกับทางสถาบันการเงินหรือธนาคาร โดยสิ่งที่ตามมาจากการกู้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านนั้นก็คือ ดอกเบี้ยเงินกู้ หรือที่เรามักเรียกกันง่าย ๆ ว่า “ดอกเบี้ยบ้าน” นั่นเอง และในการเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมสำหรับการกู้ซื้อบ้านจากทางธนาคารหรือสถาบันการเงินต่าง ๆ ก็มีตัวเลือกและข้อเสนอหลายอย่างที่คุณควรพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะไม่เพียงมีแต่เรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่ยังมีประเภทของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่แตกต่างกันด้วย วันนี้ทางโครงการแสนสราญเลยจะพาคุณมาทำความรู้จักประเภทดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านผ่านข้อมูลที่เราได้รวบรวมมาไว้ให้ในบทความนี้กันค่ะ “ดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน” คืออะไร? ดอกเบี้ยเงินกู้บ้านหรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ดอกเบี้ยบ้าน” คือ ค่าใช้จ่ายที่ผู้กู้ต้องจ่ายในการยืมเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดเงินที่ถูกกู้มา โดยดอกเบี้ยเป็นรูปแบบของค่าส่วนต่างระหว่างยอดเงินที่กู้มาและยอดเงินที่ต้องการจ่ายกลับในภายหลัง ซึ่งดอกเบี้ยสามารถเป็นรูปแบบต่าง ๆ ได้และประเภทอัตราของดอกเบี้ยเงินกู้ที่ทางสถาบันการเงินและธนาคารมีการใช้อยู่ในปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมดด้วยกัน 2 ประเภท ซึ่งได้แก่ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Interest), อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Interest) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Interest) คือ อัตราดอกเบี้ยที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้าและคงที่ตลอดระยะเวลากู้ที่ถูกระบุไว้ในสัญญา ซึ่งหมายความว่า ผู้กู้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยในทุกงวดการผ่อนชำระเงินกู้ โดยอัตราดอกเบี้ยนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดช่วงระยะเวลาที่ได้ตกลงกับทางสถาบันการเงินหรือธนาคารเอาไว้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ทางสถาบันการเงินหรือธนาคารมักจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ไว้ที่ 3 ปี 5 ปีหรือตลอดอายุสัญญาการกู้ตามแต่ข้อกำหนดและเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงินและธนาคารที่มีการกำหนดไว้ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ถูกแบ่งย่อยออกเป็นอีก 3 ประเภท ได้แก่ ดอกเบี้ยคงที่ตลอดระยะสัญญากู้ ดอกเบี้ยที่คงที่ตลอดระยะเวลาสัญญากู้ยืมเงิน หมายถึง อัตราดอกเบี้ยบ้านที่ผู้กู้ต้องชำระดอกเบี้ยในทุกงวดเท่ากันตลอดระยะเวลาของสัญญากู้ โดยไม่มีการปรับตัวขึ้นหรือลดลง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยบ้านในรูปแบบนี้จะช่วยให้ผู้กู้สามารถวางแผนการเงินของตนได้อย่างแม่นยำและมั่นใจในการชำระเงินแต่ละเดือน ทั้งยังระบุระยะเวลาการผ่อนชำระได้อย่างชัดเจนด้วย ดอกเบี้ยคงที่ในช่วงแรกของสัญญา อัตราดอกเบี้ยคงที่ในช่วงแรก หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ถูกตรึงไว้ให้คงที่ในระยะเวลาเริ่มต้นของสัญญากู้ โดยทั่วไปจะคงที่ในช่วง 1-5 ปีแรก และหลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับตามสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงิน ดอกเบี้ยคงที่แบบขั้นบันได อัตราดอกเบี้ยคงที่แบบขั้นบันได หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกำหนดให้คงที่ในช่วงหนึ่ง ๆ และมีการปรับขึ้นทีละขั้น เช่น ดอกเบี้ยในปีแรกอาจมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.30% และปีที่สองมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.55% จากนั้นมีอัตราดอกเบี้ยปีที่สามอยู่ที่ 4.50% แล้วหลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับตามเงื่อนไขทางเศรษฐกิจและการเงิน เป็นต้น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “อัตราดอกเบี้ยลอยตัว” คือ อัตราดอกเบี้ยที่สามารถเปลี่ยนแปลงตามเงื่อนไขทางตลาดหรือตามเงื่อนไขทางการเงิน ซึ่งหมายถึงการที่อัตราดอกเบี้ยในรูปแบบนี้จะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ได้ถูกกำหนดค่าไว้อย่างแน่นอนและสามารถปรับตัวขึ้นหรือลงได้โดยอิงจากต้นทุนทางการเงินหรือสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนั้น นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ผู้กู้อาจจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวถูกแบ่งย่อยออกเป็นอีก 3 ประเภท ได้แก่ ดอกเบี้ย MLR (Minimum Loan Rate) MLR เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่ถูกกำหนดขั้นต่ำที่ธนาคารหรือสถาบันทางการเงินจะเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีที่มีประวัติการชำระเงินดี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยรูปแบบนี้มักใช้ในการให้สินเชื่อธุรกิจที่เป็นระยะยาวและมีระยะเวลาที่ชัดเจน ดอกเบี้ย MRR (Minimum Retail Rate) MRR เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวขั้นต่ำสำหรับสินเชื่อแบบส่วนบุคคลและสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย ที่ธนาคารหรือสถาบันทางการเงินจะเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยที่มีประวัติการชำระเงินดี ดอกเบี้ย MOR (Minimum Overdraft Rate) MOR เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวขั้นต่ำที่ใช้ในกรณีที่มีการเบิกเงินเกินหรือ Overdraft (OD) และมีการอ้างอิงกับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีที่มีประวัติการเงินดี มักใช้ในสินเชื่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเบิกเงินเกินบัญชี โดยธนาคารหรือสถาบันทางการเงินจะพิจารณาให้สินเชื่ออย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดในการซื้อบ้านก็คือการประเมินความสามารถทางการเงินของตัวเองว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังจะซื้อบ้านก็อย่าลืมวางแผนในการซื้อบ้านและเตรียมความพร้อมในการซื้อบ้านอย่างรอบคอบและพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดถี่ถ้วนกันนะคะ ส่วนใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวในทำเลเชียงใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตก็สามารถทักมาสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการและนัดชมโครงการบ้านจากโครงการแสนสราญกันได้นะคะ ...