สำหรับใครหลาย ๆ คนมักจะมองว่าการมีบ้านเอาไว้เป็นสินทรัพย์และที่อยู่ของตัวเองนับเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ซึ่งบางคนก็อยากจะขอยื่นสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้านแต่ก็กังวลใจ กลัวว่าจะขอกู้ไม่ผ่านเพราะติดแบล็กลิสต์ (Blacklist) ซึ่งคำถามที่หลายคนสงสัยคือถ้าติด "Blacklist" หรือมีประวัติค้างชำระหนี้กับธนาคาร จะสามารถกู้ซื้อบ้านได้หรือไม่? แต่ถึงแม้ว่าคุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่อาจดูน่ากังวลอย่างการติด Blacklist ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้พบว่าการกู้ซื้อบ้านดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เนื่องจากธนาคารมองว่าเป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามก็ยังมีวิธีการที่จะช่วยทำให้คุณสามารถแก้ไขประวัติแบล็คลิสต์แล้วกลับมายื่นขอสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้านผ่านได้อย่างสบาย ๆ วันนี้แสนสราญเลยจะมานำเสนอวิธีที่จะทำให้คุณสามารถซื้อบ้านได้โดยไม่ต้องกังวลผ่านบทความนี้กันค่ะ
รู้จักคำว่า “Blacklist” ก่อนแก้ไขเครดิตให้กลับมากู้บ้านได้ง่าย ๆ
"Blacklist" หรือแบล็คลิสต์ คือ รายชื่อของบุคคลหรือองค์กรที่ถูกบันทึกเป็นผู้ที่มีประวัติการผิดนัดในการชำระหนี้หรือมีประวัติการติดลบในระบบของหน่วยงานหรือสถาบันทางการเงินต่าง ๆ อย่างเช่น ธนาคาร, บริษัทสินเชื่อ, หรือหน่วยงานทางการเงินอื่น ๆ ซึ่งการที่มีรายชื่อติดอยู่ใน "Blacklist" นั้นก็หมายความว่าบุคคลหรือองค์กรนั้นมีประวัติค้างชำระหนี้, การละเมิดข้อตกลงการชำระหนี้หรือมีปัญหาด้านการเงินอื่น ๆ ที่ทำให้ไม่ได้รับการยอมรับในการกู้ยืมหรือทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสถาบันทางการเงินหรือธนาคารต่าง ๆ ได้ โดยการอยู่ใน "Blacklist" เป็นสิ่งที่สามารถส่งผลกระทบทางการเงินและชีวิตประจำวันของบุคคลนั้น ๆ เนื่องจากทำให้เกิดความยุ่งยากที่จะได้รับบริการด้านการเงินหรือมีความยุ่งยากในการดำเนินการและทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ได้ หรือมักจะเจอการดำเนินธุรกรรมที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง โดยการติดแบล็คลิสต์นั้นก็จะถูกเชื่อมโยงมาจนถึงเรื่องของเครดิตบูโร (Bureau) ซึ่งเครดิตบูโรก็คือหน่วยงานที่เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการเงินของบุคคลและธุรกรรมการยืมเงินที่เครดิตบูโรมีบันทึกไว้ โดยมีข้อมูลที่บันทึกอาจรวมถึงประวัติการชำระหนี้, ขอบเขตของบัตรเครดิต, บัญชีธนาคารและข้อมูลการชำระบิลอื่น ๆ ซึ่งการที่เราจะสามารถทำการเคลียร์ประวัติ "Blacklist" ได้นั้นก็จะต้องทำผ่านกระบวนการแก้ไขปัญหาการเงินด้วยการชำระหนี้หรือการตรวจสอบข้อมูลการเงินที่อาจมีความผิดพลาด เพื่อทำให้ผู้ที่ติดรายชื่อแบล็คลิสต์สามารถกลับมามีสภาพการเงินที่ดีขึ้นและได้รับการยอมรับในการทำธุรกรรมทางการเงินอีกครั้ง
เผยเหตุผล...ทำไม? ติดแบล็คลิสต์แล้วอาจจะขอยื่นกู้สินเชื่อไม่ผ่าน
1. ประวัติการชำระหนี้ไม่ดี
2. มีหนี้ค้างชำระหรือประวัติค้างชำระ
3. มีประวัติการละเมิดข้อตกลงสัญญา
4. ถูกมองว่าขาดความสามารถในการผ่อนชำระหนี้
5. ถูกมองว่าขาดความรับผิดชอบทางด้านการเงิน
รวมเทคนิคและวิธีการเคลียร์ประวัติ Blacklist
1. ปรับเปลี่ยนวิธีการในการชำระหนี้ สิ่งสำคัญอย่างแรกในการแก้ไขประวัติแบล็คลิสต์ก็คือการเริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีการชำระหนี้ของคุณให้เหมาะสมต่อสถานการณ์ปัจจุบัน โดยทำการตรวจสอบหนี้คงค้างและจัดลำดับความสำคัญของหนี้ในแต่ละที่ติดค้างในสถาบันการเงิน และทำการคำนวนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเพื่อจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งปรับปรุงพฤติกรรมการใช้หนี้ให้มีความตรงต่อเวลาและตั้งใจชำระหนี้ทุกเดือนเพื่อสร้างเครดิตใหม่ นอกจากนี้ ยังควรจัดเก็บใบเสร็จการชำระหนี้ทุกใบเพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นกู้ซื้อบ้านในอนาคตด้วย
2. ทำการเจรจากับทางสถาบันการเงินหรือธนาคารที่คุณติดแบล็คลิสต์อยู่เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ ถ้าคุณมีหนี้อยู่เป็นจำนวนมากและเกินกำลังในการผ่อนชำระหนี้ของคุณ คุณควรเลือกทำการเจรจาต่อรองกับสถาบันการเงินหรือธนาคารที่คุณมีรายชื่อติดแบล็คลิสต์อยู่เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้เสียใหม่ โดยอาจลองขอลดอัตราดอกเบี้ยหรือขอขยายระยะเวลาการชำระให้เพิ่มขึ้น และหากคุณมีหนี้จากสถาบันการเงินหรือธนาคารแห่งเดียวกันก็ควรเจรจาขอรวมเป็นหนี้ก้อนเดียวหรือเจรจาลดต้นลดดอก เพราะเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณชำระหนี้ได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น และที่สำคัญมากที่สุดคือคุณต้องชำระหนี้ตรงเวลาเพื่อให้การขอปรับโครงสร้างหนี้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
3. เริ่มเก็บออมเงิน เมื่อคุณทำการชำระหนี้ได้ส่วนหนึงแล้วก็ควรเริ่มต้นการเก็บออมเงินด้วย โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงิน, ลดการใช้บัตรเครดิตรวมไปถึงลดการซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็น เพื่อให้คุณสามารถทำการเก็บออมเงินไว้สำหรับการใช้จ่ายในอนาคตได้ และเป็นการเริ่มต้นสร้างเครดิตใหม่หลังจากปลดแบล็คลิสต์ โดยการรักษาพฤติกรรมการใช้เงินให้มีประสิทธิภาพรวมถึงเก็บใบเสร็จการชำระหนี้ไว้เพื่อให้เป็นหลักฐานสำหรับการยื่นกู้ซื้อบ้านในอนาคต
4. เริ่มต้นสร้างเครดิตทางการเงินใหม่ ทำการสร้างเครดิตใหม่ที่น่าเชื่อถือโดยการขอสินเชื่อหรือบัตรเครดิตที่วงเงินไม่สูงมาก แล้วชำระหนี้ให้ตรงต่อเวลาและชำระหนี้อย่างเป็นประจำและสม่ำเสมอเพื่อทำให้คุณมีเครดิตที่ดีทางการเงินเพิ่มมากขึ้น และควรอัพเดตข้อมูลเครดิตบูโรอย่างสม่ำเสมอด้วย
5. ทำการขอสินเชื่อกู้ยืมร่วมกับบุคคลใกล้ชิดที่มีเครดิตดี การใช้วิธีการกู้ร่วมกับบุคคลใกล้ชิดที่มีเครดิตดีและไม่เคยติดแบล็คลิสมาก่อน นับเป็นการเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อและทำให้คุณสามารถยื่นกู้เงินซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น
...