รู้จักเงินดาวน์ก่อนเริ่มผ่อนบ้าน


รู้จักเงินดาวน์ก่อนเริ่มผ่อนบ้าน


ก่อนที่เราจะตัดสินใจลงทุนซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องทำการเตรียมการและวางแผนล่วงหน้าก็คือการจ่ายเงินดาวน์ซึ่งเงินดาวน์นี้ก็เปรียบเสมือนกับการวางหลักประกันล่วงหน้าและเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือในการซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสำหรับหลาย ๆ คนก็อาจจะยังมีข้อสงสัยและไม่เข้าใจเรื่องเงินดาวน์มากนัก วันนี้ทางโครงการแสนสราญจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเงินดาวน์มาไว้ในบทความนี้ เพื่อให้ทุกคนได้เกิดความเข้าใจในเรื่องเงินดาวน์มากยิ่งขึ้นก่อนจะทำการตัดสินใจซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเองและสามารถวางแผนในการเตรียมตัวซื้อบ้านได้อย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น ซึ่งก่อนอื่นเลยเพื่อให้คุณได้เข้าใจเรื่องเงินดาวน์มากที่สุด เราไปดูกันก่อนเลยค่ะว่าจริง ๆ แล้วเงินดาวน์นั้นคืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร ความหมายและความสำคัญของเงินดาวน์ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ การชำระเงินดาวน์หรือ Down Payment คือการโอนเงินก้อนจำนวนหนึ่งจากผู้ซื้อไปยังผู้ขายเมื่อต้องการที่จะซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์, บ้านหรือคอนโดมิเนียม โดยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายนี้จะขึ้นอยู่กับอัตราที่ผู้ขายกำหนดหรือตามเงื่อนไขของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเงินที่คุณได้ทำการชำระนี้เป็นเงินที่ไม่หายไปไหน แต่จะถูกหักลดออกจากมูลค่าจริงของทรัพย์สินนั้น ๆ ซึ่งหมายความว่าเมื่อถึงเวลาผ่อนชำระค่าสินทรัพย์จริง ยอดเงินต้นที่คำนวณจะมีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าเต็มของราคาที่ระบุไว้ตามราคาขาย เพราะฉะนั้นหากคุณจ่ายเงินดาวน์เป็นเงินก้อนใหญ่ จำนวนเงินที่ต้องยื่นกู้ก็ย่อมน้อยลง และยอดการผ่อนชำระก็จะลดลงตามไปด้วย โดยการชำระเงินดาวน์บ้านก็จะเป็นการโอนเงินจำนวนหนึ่งจากผู้ซื้อไปยังโครงการบ้าน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเงินดาวน์บ้านนี้จะเป็นส่วนแบ่งหรือเงินที่ต้องจ่ายล่วงหน้าเพื่อยืนยันการซื้อบ้านและจะถูกนำมาใช้ในกระบวนการซื้อขายที่มีรายละเอียดต่าง ๆ ตามกฎหมายและข้อกำหนดของโครงการบ้านนั้น ๆ และนอกจากเงินดาวน์บ้าน เรื่องการผ่อนดาวน์ก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่เราต้องศึกษารายละเอียดเพื่อวางแผนและเตรียมตัวซื้อบ้านในอนาคตด้วย รู้จัก “การผ่อนดาวน์” เพื่อวางแผนและเตรียมตัวซื้อบ้าน การผ่อนดาวน์ คือ การผ่อนชำระเงินจำนวนหนึ่งที่ต้องจ่ายให้กับผู้ขายในกรณีที่มูลค่าสินทรัพย์สูงและผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินทั้งหมดในคราวเดียวได้ จนทำให้เกิดระบบการผ่อนชำระเป็นงวด ๆ เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อผู้ซื้อ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีการผ่อนชำระทั้งแบบการผ่อนชำระเท่ากันทุกงวด ซึ่งโครงการส่วนมากมักจะให้เวลาผ่อนดาวน์ประมาณ 1-3 ปี และมีการกำหนดยอดเงินผ่อนชำระต่อเดือนเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในทุกงวดจนครบกำหนดตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาและการผ่อนชำระแบบบอลลูน ซึ่งเป็นการผ่อนชำระที่แบ่งการผ่อนเท่า ๆ กันในทุกเดือน แต่จะมีบางงวดอาจจะมีการชำระสูงกว่ายอดในงวดอื่น ๆ ซึ่งระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับการกำหนดเวลาในการผ่อนชำระของผู้ขายที่ได้ทำการกำหนดเอาไว้ในสัญญาการผ่อนชำระ วิธีวางแผนการเก็บเงินดาวน์บ้าน 1. ศึกษาและทำความเข้าใจเงื่อไขในการดาวน์บ้านก่อน ก่อนจะวางแผนและตัดสินใจดาวน์บ้าน คุณควรจะต้องทำการศึกษาและทำความเข้าใจเงื่อนไขในการดาวน์บ้านกับโครงการที่คุณสนใจให้ดีเสียก่อน เพื่อจะได้ทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการดาวน์บ้านรวมไปถึงจำนวนเงินดาวน์และระยะเวลาที่จะต้องผ่อนชำระ เพื่อวางแผนให้ละเอียดและรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน 2. พิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องค่าใช้จ่ายในการดาวน์บ้าน การตัดสินใจซื้อบ้านสักหลังก็มักจะตามมาด้วยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากมาย ดังนั้น จึงควรนำเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมทั้งค่าใช้จ่ายแฝงที่เกี่ยวกับบ้านมาใช้ในการวางแผนเกี่ยวกับการเงินอีกครั้ง เพื่อให้แผนในการดาวน์บ้านมีความรัดกุมเพิ่มมากขึ้น 3. วางแผนการเงินให้เหมาะกับตัวเองและบ้านที่จะซื้อ การวางแผนการเงินให้เข้ากับการตัวเองและการซื้อบ้านนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้คุณสามารถมองหาบ้านได้ตรงตามความต้องการและสามารถกำหนดงบประมาณได้อย่างเหมาะสม โดยพิจารณาเลือกวิธีการชำระเงินที่มีเหมาะสมกับตนเอง โดยอาจพิจารณาว่าจะใช้เงินสดจ่ายทั้งหมดหรือจะทำการขอสินเชื่อจากธนาคารพร้อมเงินดาวน์หรือชำระด้วยวิธีอื่น ๆ ที่คุณสามารถทำได้ อีกทั้งยังควรให้ความสำคัญกับขั้นตอนการจองบ้าน เนื่องจากโครงการบ้านแต่ละโครงการอาจมีเงื่อนไขการจองที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น การเช็กเงื่อนไขนี้ร่วมกับโปรโมชัน, ส่วนลดและข้อเสนอทางการเงินอื่น ๆ ของโครงการบ้านแต่ละโครงการก็จะช่วยในการวางแผนการเงินของคุณ 4. เมื่อมีแผนการเงินแล้ว ให้ทดลองซ้อมผ่อนบ้านดูก่อนจะผ่อนจริง เมื่อคุณมีแผนการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนอื่นให้ลองซ้อมผ่อนบ้านเพื่อเตรียมความพร้อมให้มากขึ้นดูก่อน โดยอาจใช้แอปเก็บเงินหรือทำการจำกัดจำนวนเงินเหลือไว้ในบัญชีให้เท่ากับค่าผ่อนบ้าน โดยไม่ใช้เงินก้อนนั้น ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและเห็นภาพชัดเจนว่าการต้องชำระหนี้สินบ้านทุกเดือนนั้นจะมีผลต่อการเงินในด้านอื่น ๆ ที่เหลืออยู่อย่างไร และหากคุณลองซ้อมผ่อนบ้านแล้วเห็นว่ามีแนวโน้มว่ากำลังทางด้านการเงินของคุณอาจจะยังไม่เพียงพอต่อการซื้อบ้าน คุณก็จะสามารถกลับไปพิจารณาเรื่องของวงเงินกู้และแผนการผ่อนชำระที่ได้วางแผนเอาไว้อีกครั้งและปรับให้เหมาะสมกับสภาพคล่องทางการเงินของคุณได้มากขึ้น ...