รากฐานของตึกคือ "อิฐ" เพราะฉะนั้นการจะมีบ้านสักหลังแม้แต่การเปรียบเทียบอิฐที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านก็นับเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งชนิดของอิฐที่คนมักจะถูกนำมาเปรียบเทียบและตั้งคำถามว่าอิฐชนิดไหนที่เหมาะกับการสร้างบ้านมากกว่ากันก็คืออิฐแดงหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “อิฐมอญ” และ “อิฐมวลเบา” นั่นเอง ซึ่งการตั้งข้อเปรียบเทียบระหว่างอิฐมอญและอิฐมวลเบานี้เองก็มีหลาย ๆ คนที่ยังสงสัยและไม่แน่ใจว่าควรเลือกบ้านที่สร้างจากอิฐชนิดไหนดี เพราะอิฐมอญก็เป็นวัสดุสำหรับก่อสร้างที่หลายใครหลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีแถมยังเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมนำมาก่อสร้างบ้านมาอย่างยาวนาน แต่อิฐมวลเบาก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญในปัจจุบันที่คนนิยมนำมาใช้เป็นวัสดุในการสร้างบ้านเช่นกัน วันนี้ทางโครงการแสนสราญจึงจะพาทุกคนมารู้จักทั้งอิฐมอญและอิฐมวลเบากันในบทความนี้กันค่ะ ว่าอิฐแต่ละชนิดนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร มีข้อดียังไง รวมไปถึงเหมาะกับการสร้างบ้านมากแค่ไหน เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกวัสดุในการสร้างบ้านรวมไปถึงเลือกซื้อบ้านได้ตรงตามความชอบและความต้องการของทุกคนค่ะ
ทำความรู้จักอิฐแดงหรืออิฐมอญ
“อิฐแดง” หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปในอีกชื่อว่าอิฐมอญ เป็นวัสดุที่ถูกผลิตขึ้นมาจากดินเหนียวผสมกับทราย ขี้เถ้าแกลบและน้ำ แล้วจึงถูกนำไปเผาให้มีความแข็งแรงซึ่งเกิดจากภูมิปัญญาของชาวมอญในอดีต ก่อนที่ประเทศไทยจะเผยแพร่และนำเข้ามาใช้ โดยปกติแล้วอิฐมอญจะมีขนาดมาตรฐานคือ มีความกว้าง 5.5 เซนติเมตร ความยาว 14 เซนติเมตรและความหนา 3 เซนติเมตร แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาให้อิฐมอญนั้นมีรูปแบบและขนาดที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น อิฐมอญชนิดกลวง, อิฐมอญตันเครื่อง, อิฐมอญโบราณที่ผ่านการเผาฟืนและเผาแกลบ, อิฐมอญโชว์และอิฐมอญประสาน เป็นต้น ซึ่งเป็นการตอบสนองความต้องการในการใช้งานที่หลากหลายและยังมีการการพัฒนาการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้ได้อิฐมอญที่มีมาตรฐานและคุณภาพที่ดีมากขึ้นด้วย และยังสามารถผลิตอิฐได้เร็วขึ้น ซึ่งอิฐมอญนั้นก็มีมาตรฐานการตรวจสอบคุณภาพตามข้อกำหนดของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยมักนำไปใช้ในงานก่อสร้างอาคารศูนย์ราชการ โครงการที่ใหญ่ โรงพยาบาลและสถานที่อื่นที่ต้องการความแข็งแกร่งเป็นพิเศษด้วย
รวมคุณสมบัติเด่นของอิฐมอญที่ทำให้เป็นวัสดุที่น่าสนใจสำหรับการใช้ในงานก่อสร้าง
1. ทนแดดและทนฝนได้ดี: อิฐมอญมีความทนทานต่อแสงแดดและน้ำฝนอย่างดี เหมาะสำหรับสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ ในประเทศไทย
2. รับน้ำหนักได้มาก: อิฐมอญเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง โดยอิฐมอญสามารถรับน้ำหนักได้มากสูงสุดถึง 30 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
3. มีความแข็งแรงและหนาแน่นสูง: อิฐมอญมีความแข็งแรงและมีความหนาแน่นค่อนข้างสูง ซึ่งทำให้มีความทนทานในการใช้งานและสามารถยึดเกาะได้ดี
4. เจาะแขวนของได้ง่าย: หากต้องการติดตั้งราวแขวนหรือชั้นวางของแบบลอยบนผนังก็สามารถทำการเจาะผนังที่ก่อด้วยอิฐมอญเพื่อแขวนของบนผนังได้อย่างง่ายดาย
5. ใช้งานได้ดีในพื้นที่จำกัด: อิฐมอญเป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับการใช้งานในบริเวณพื้นที่เล็ก ๆ เพราะมีขนาดที่เป็ยมาตรฐานและยังมีขนาดให้เลือกหลากหลาย จึงสมารถใช้งานได้โดยไม่ต้องตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ
6. เหมาะสำหรับการทำผนังอิฐตกแต่ง: อิฐมอญมีความหลากหลายในการใช้งานและมีรูปแบบให้เลือกอย่างหลากหลายจึงเหมาะในการใช้ตกแต่งทำผนังอิฐ ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับงานโชว์ผนัง
7. หาซื้อได้ง่าย: เนื่องจากอิฐมอญเป็นวัสดุที่มีการผลิตในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน จึงทำให้หาซื้อได้ง่ายรวมถึงช่างผู้รับเหมาทั่วไปยังมีความชำนาญในการใช้งานและการก่อสร้างด้วย
ทำความรู้จักอิฐมวลเบาหรือคอนกรีตมวลเบา
อิฐมวลเบาเป็นวัสดุที่ถูกผลิตขึ้นจากการผสมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ยิปซั่ม ปูนขาว ทรายเนื้อละเอียด น้ำและผงอลูมิเนียมเข้าด้วยกันในรูปแบบของของเหลวจนให้เกิดเป็นปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้เกิดฟองอากาศขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วเนื้ออย่างสม่ำเสมอโดยมีฟองอากาศกระจาอยู่ในเนื้อวัสดุประมาณ 75% ซึ่งทำให้ได้อิฐที่มีน้ำหนักเบาและกลายเป็นฉนวนกันความร้อนสูง โดยอิฐมวลเบานั้นมีกระบวนการผลิตด้วยการนำเข้าอบด้วยไอน้ำที่มีอุณหภูมิและแรงดันสูงเป็นเวลานาน โดยใช้เครื่องจักรทันสมัย ทำให้ผลิตได้รวดเร็วและมีปริมาณมากในแต่ละครั้งที่ทำการผลิต ซึ่งแม้ว่าอิฐมวลเบาจะมีขนาดใหญ่ แต่ก็ยังมีน้ำหนักเบาซึ่งทำให้อิฐมวลเบานั้นกลายเป็นวัสดุก่อสร้างที่นิยมใช้ในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยลดระยะเวลาในการก่อสร้างและลดภาระเรื่องน้ำหนักของโครงสร้างได้ดี
รวมคุณสมบัติเด่นของอิฐมวลเบาที่ได้รับความนิยมในการใช้สำหรับงานก่อสร้างในปัจจุบัน
1. มีขนาดที่ใหญ่ทำให้งานก่อสร้างคืบหน้าได้เร็ว: อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ซึ่งช่วยให้งานก่อสร้างมีความก้าวหน้าได้เร็วขึ้น
2. มีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับอิฐชนิดอื่น ๆ : การที่น้ำหนักของอิฐมวลเบามีความเบากว่าอิฐชนิดอื่น ๆ ช่วยทำให้การก่อสร้างเกิดความรวดเร็วทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณในการทำโครงสร้างอีกด้วย
3. มีคุณสมบัติในการกันลามไฟ: อิฐมวลเบาเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติในการกันไฟลามได้ดี สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของไฟได้นานประมาณ 4 ชั่วโมง จึงมีความเหมาะสมในการใช้ในอาคารสาธารณะที่มีข้อกำหนดเรื่องวัสดุกันลามไฟ
4. ช่วยเรื่องประหยัดพลังงาน: อิฐมวลเบาเป็นวัสดุที่สามารถระบายความร้อนได้ดี จึงทำหน้าที่เสมือนเป็นฉนวนกันความร้อนและป้องกันเสียงได้ดีอีกด้วย
5. พื้นผิวเรียบทำให้ฉาบได้ดี: อิฐมวลเบาเป็นวัสดุที่มีพื้นผิวที่เรียบเนียน ทำให้การฉาบแบบบางได้ดีและทำให้งานผนังดูเรียบเนียน
6. มีขนาดที่เป็นมาตรฐาน: อิฐมวลเบาเป็นวัสดุที่มีขนาดและคุณภาพที่เป็นมาตรฐานทำให้เวลาทำการฉาบจะได้งานที่มีความสม่ำเสมอและใช้เวลาน้อยในการฉาบ
...
