รวมสาเหตุที่อาจทำให้คุณกู้บ้านไม่ผ่าน


รวมสาเหตุที่อาจทำให้คุณกู้บ้านไม่ผ่าน


ในช่วงนี้ใครหลาย ๆ คนอาจกำลังวางแผนซื้อบ้านและทำการยื่นกู้สินเชื่อสำหรับซื้อบ้านส ซึ่งเมือพูดถึงการยื่นกู้แล้ว ทุกคนก็คงเคยได้ยินกันมาบ้างว่า “การยื่นขอสินเชื่อกู้บ้าน” นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะนอกจจากจะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมและครบถ้วนแล้ว สถานะทางการเงินของเราก็มีส่วนสำคัญมาก ๆ ในการที่คำขอยื่นกู้ของเราจะผ่านอนุมัติจากทางสถาบันการเงินหรือธนาคารและก็มีคนไม่ใช่น้อยที่ยื่นกู้เพื่อขอสินเชื่อสำหรับซื้อบ้านไม่ผ่าน ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวจะซื้อบ้านและทำการขอกู้เงินจากทางสถาบันการเงินหรือธนาคาร วันนี้ทางโครงการแสนสราญก็ได้รวบรวมเอาสาเหตุที่อาจทำให้คุณกู้บ้านไม่ผ่านมาฝากให้ทุกคนมาทำการศึกษาก่อนและสามารถหาวิธีรับมือ รวมไปถึงยังจะมาแนะนำวิธีที่จะทำให้คุณสามารถยื่นขอสินเชื่อสำหรับกู้ซื้อบ้านให้ผ่านฉลุยกันผ่านบทความนี้กันค่ะ เผยสาเหตุที่ทำให้คุณยื่นขอสินเชื่อสำหรับกู้บ้านไม่ผ่าน 1. ยังคงมีภาระหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระในปัจจุบันอยู่เป็นจำนวนมาก ในการพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อบ้าน ทางสถาบันการเงินหรือธนาคารมักจะให้ความสำคัญกับความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของผู้กู้ โดยจะมองว่าผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนชำระมากน้อยแค่ไหน โดยพิจารณาจากรายได้และหนี้สินอื่น ๆ ที่ผู้กู้มีอยู่ ซึ่งหากคุณยังมีหนี้ที่ต้องผ่อนชำระในปัจจุบันอยู่เป็นจำนวนมากก็ ทางสถาบันการเงินหรือธนาคารก็อาจจะมองว่าหนี้เหล่านั้นอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการผ่อนชำระหนี้และการเข้าถึงเงินกู้ในอนาคตได้ การวิเคราะห์ความสามารถในการผ่อนชำระหนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ธนาคารหรือหน่วยงานการเงินต่าง ๆ จะพิจารณาก่อนที่จะอนุมัติเงินกู้หรือสินเชื่อให้กับบุคคลหรือบริษัท โดยภาระหนี้ที่มีมากเกินไปอาจทำให้ธนาคารมองว่าคุณมีความเสี่ยงทางการเงิน และมีความเสี่ยงในการให้สินเชื่อจากนั้นคุณก็จะถูกลดโอกาสในการอนุมัติเงินกู้หรือสินเชื่อให้กับผู้กู้ โดยสถาบันทางการเงินหรือธนาคารจะทำการคำนวณสัดส่วนของหนี้สินต่อรายได้ต่อเดือน เพื่อประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของบุคคลหรือบริษัท ซึ่งหากคุณมีหนี้สินเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือนทางสถาบันการเงินหรือธนาคารก็อาจจะถือว่าคุณนั้นมีภาระหนี้มากเกินไปและอาจทำให้ไม่สามารถขอกู้เงินได้ นอกจากนี้ การมีหนี้สินมาก ๆ ยังส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของบุคคลหรือบริษัท เพราะอาจทำให้รายได้ส่วนตัวหรือรายได้จากธุรกิจลดลงและเกิดภาวะเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคงได้รับผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตทางการเงินในอนาคตด้วย 2. เคยติด Blacklist ของเครดิตบูโร เครดิตบูโรหรือบริษัทข้อมูลแห่งชาติ (National Credit Bureau) เป็นบริษัทที่มีหน้าที่จัดเก็บข้อมูลและดูแลบัญชีสินเชื่อต่าง ๆ รวมถึงการรวบรวมและจัดเก็บประวัติการชำระสินเชื่อ ซึ่งจะมีการบันทึกประวัติการชำระหนี้ในระบบของทุกคนเอาไว้ทั้งหมด โดยการ “ติดแบล็คลิสต์” หรือ “ติดเครดิตบูโร” จะหมายความถึงว่าบุคคลคนนั้นมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี มีหนี้เสียหรือมีปัญหาในการจัดการการเงิน เช่น มีการผ่อนชำระไม่ตรงตามกำหนดหลายครั้ง มีหนี้สินคงค้างอยู่ในระบบเป็นจำนวนมาก หรือเป็นบุคคลที่ไม่ยอมผ่อนชำระหนี้ ทำให้ทางบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติมองว่าบุคคลนั้นเป็นบุคคลที่มีปัญหาเรื่องความสามารถทางการเงินซึ่งอาจส่งผลทำให้มีปัญหาในการทำธุรกรรมทางการเงินอื่น ๆ เพราะข้อมูลเครดิตในส่วนนี้จะเป็นข้อมูลที่ทางสถาบันการเงินและธนาคารจะนำไปพิจารณาเมื่อคุณไปยื่นกู้หรือทำธุรกรรมทางการเงินอื่น ๆ และอาจส่งผลต่อการอนุมัติสินเชื่อหรือการขอสินเชื่ออื่นๆ ในอนาคตได้ เนื่องจากธนาคารหรือหน่วยงานทางการเงินจะประเมินความเสี่ยงในการให้สินเชื่อและการจัดการกับผู้กู้ในอนาคตด้วยข้อมูลเครดิตบูโร 3. มีฐานเงินเดือนที่ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด มีรายได้ที่ไม่สม่ำเสมอหรือมีที่มาไม่ชัดเจน เงินเดือนนับเป็นปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่งที่ทางสถาบันทางการเงินหรือธนาคารใช้ในการพิจารณาก่อนที่จะทำการอนุมัติสินเชื่อหรือให้เงินกู้ โดยเมื่อผู้กู้มีฐานเงินเดือนที่ไม่มั่นคงหรือไม่เพียงพอ หรืออาจมีรายได้ไม่สม่ำเสมอ หรือมีแหล่งที่มาของรายได้ไม่ชัดเจน ทางสถาบันการเงินหรือธนาคารก็จะมองว่าคุณอาจมีความเสี่ยงทางการเงินและมีโอกาสที่จะมีปัญหาในการชำระหนี้ ซึ่งสำหรับผู้ที่มีอาชีพอิสระการมีรายได้ที่ไม่แน่นอนอาจส่งผลให้ธนาคารไม่ยินยอมให้สินเชื่อ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ผู้กู้จะไม่สามารถใช้รายได้เพื่อชำระหนี้ได้อย่างมั่นคง ดังนั้น คนที่มีฐานเงินเดือนไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ หรือมีที่มาของรายได้ที่ไม่ชัดเจนทำการขอสินเชื่อจากทางสถาบันการเงินหรือธนาคารได้ค่อนข้างยากมากขึ้นและมีโอกาสที่จะไม่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้นด้วย ดังนั้นการวางแผนทางและการจัดการการเงินอย่างรอบคอบอาจช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อให้กับคุณได้ 4. มีเงินเก็บในบัญชีน้อย สำหรับเงินเก็บหรือเงินออมเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่บางสถาบันการเงินหรือธนาคารจะพิจารณาก่อนที่จะอนุมัติการกู้สินเชื่อ ซึ่งการมีวินัยในการออมเงินและการบริหารจัดการเงินอย่างดีจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับสถาบันทางการเงินหรือธนาคารมากขึ้น เพราะสถาบันการเงินหรือธนาคารต้องการให้แน่ใจว่าผู้กู้สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ การมีบัญชีเงินออมที่เป็นรายได้เสริมจะก็ยังเป็นปัจจัยที่สถาบันการเงินหรือธนาคารส่วนใหญ่จะพิจารณา เพื่อให้เกิดความมั่นใจในความสามารถในการชำระหนี้ หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและมีการลดรายได้ การมีเงินออมจำนวนหนึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ทดังนั้น การบริหารจัดการเงินอย่างมีวินัยและการมีเงินออมเป็นส่วนหนึ่งของสถานะการเงินที่ดี ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารได้มากขึ้นในอนาคต รวมวิธียื่นขอสินเชื่อสำหรับกู้ซื้อบ้านให้ผ่านแบบฉลุย 1. สร้างเครดิตทางการเงินเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดยจ่ายบิลและหนี้สินต่าง ๆ ตรงตามกำหนดเวลาและไม่ค้างการชำระหนี้เอาไว้นานจนเกินไป เพราะประวัติการชำระหนี้ที่ดีจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาของเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินหรือธนาคาร 2. เตรียมเอกสารและหลักฐานการเงินให้พร้อม โดยทำการรวบรวมเอกสารการเงินและหลักฐานที่เป็นประโยชน์ เช่น รายการเงินเดือน, สลิปเงินเดือนและเอกสารทางการเงินที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสดงให้ธนาคารเห็นว่าคุณมีรายได้สม่ำเสมอและเพียงพอต่อการขอกู้ 3. รักษาสมดุลทางด้านการเงิน พยายามทำบัญชีเงินฝากให้มียอดรายรับมากกว่ารายจ่ายและมีเงินคงเหลือในบัญชีที่คงที่ในแต่ละเดือน เพื่อแสดงให้ธนาคารเห็นว่าคุณมีความสามารถในการจ่ายชำระหนี้คืน 4. รักษาวินัยทางการเงิน จ่ายบิลและหนี้สินต่าง ๆ ตรงตามกำหนดเวลาและเก็บออมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณมีความรับผิดชอบทางการเงินเพียงพอ 5. เคลียร์หนี้อื่น ๆ ให้จบ หากคุณมีหนี้ค้างคาให้พยายามชำระหนี้ให้จบหรือลดหนี้ให้น้อยลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการขอสินเชื่อมากขึ้น 6. มีหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน หากคุณมีหลักทรัพย์ เช่น บ้านหรือที่ดินก็สามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้ ...