รวมเทคนิคดูแลแอร์ในบ้าน ยืดอายุการใช้งานได้นานยิ่งขึ้น


รวมเทคนิคดูแลแอร์ในบ้าน ยืดอายุการใช้งานได้นานยิ่งขึ้น


แอร์หรือเครื่องปรับอากาศเป็นอีกอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอีกชนิดหนึ่งที่หลาย ๆ บ้านต่างมีติดไว้ ซึ่งในบางครั้งหลาย ๆ คนก็ลืมใส่ใจและทำการดูแลรักษาแอร์หรือเครื่องปรับอากาศภายในบ้านไปเสียสนิท ซึ่งการใช้งานแอร์เป็นเวลานาน ๆ อาจสร้างกลิ่นเหม็นอับชื้นในบ้านขึ้นได้ โดยปัญหากลิ่นเหม็นอับนั้นไม่ได้สรี้งปัญหาเฉพาะเพียงแค่เรื่องความไม่สะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพของคนในบ้านอีกด้วย ซึ่งปัญหากลิ่นเหม็นอับที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากการสะสมของความชื้นในระบบท่อพัดลมที่อาจมีเชื้อราและแบคทีเรียสะสมอยู่ในระบบท่อลมและฟิลเตอร์ของเครื่องปรับอากาศ จนทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับตามมา นอกจากนี้ การใช้งานแอร์ที่มีความเย็นสูงมาก ๆ โดยไม่มีการเปิดระบายอากาศก็อาจทำให้เกิดเชื้อโรคสะสมในบ้านได้เช่นกันโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอากาศชื้น การรักษาความสะอาดของแอร์อย่างสม่ำเสมอและการเปิดห้องเพื่อทำการระบายอากาศเพื่อลดความชื้นในบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำและยังเป็นการป้องกันการเกิดกลิ่นเหม็นอับและปัญหาสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะยาวอีกด้วย วันนี้ทางโครงการแสนสราญจึงรวบรวมเอาเทคนิคดูแลแอร์ในบ้าน พร้อมยืดอายุการใช้งานได้นานยิ่งขึ้นมาฝากทุกคนในบทความนี้กันค่ะ เปิดวิธีการดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศง่าย ๆ 1. หมั่นล้างทำความสะอาดแอร์อยู่เป็นประจำ การล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอมีประโยชน์หลายด้าน เพราะไม่เพียงแค่ช่วยลดการสะสมของสิ่งที่เกิดกลิ่นเหม็นอับเท่านั้น แต่ยังช่วยเพื่อให้เครื่องปรับอากาศหรือแอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงควรหมั่นล้างแอร์อย่างน้อยทุก ๆ 3 - 6 เดือน เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาแอร์บ้านเหม็นอับที่มีสาเหตุมาจากการสะสมของเชื้อโรค เชื้อราและฝุ่นละอองต่าง ๆ ในระบบแอร์ ซึ่งทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ ยังเป็นการป้องกันความเสี่ยงในการเป็นแหล่งสร้างเชื้อโรคที่อาจกระทบต่อสุขภาพของสมาชิกในบ้านด้วย นอกจากนี้ยังควรทำความสะอาดและหมั่นตรวจเช็คแผงคอยล์เย็น เพราะแผงคอยล์เย็นในเครื่องปรับอากาศหรือแอร์มีหน้าที่ช่วยสร้างความเย็นให้กับเครื่องปรับอากาศ ซ฿งเป็นส่วนที่อาจมีฝุ่นเกาะสะสมอยู่ซึ่งจะส่งผลทำให้ประสิทธิภาพในการทำความเย็นลดลง และอาจส่งผลให้เครื่องปรับอากาศหยุดการทำงาน 2. คอยเช็คน้ำยาแอร์อยู่เสมอ การเช็คน้ำยาแอร์เป็นขั้นตอนที่สำคัญขั้นตอนหนึ่งในการดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ให้สามมรถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังช่วยยืดอายุการใช้งานแอร์ได้ในระยะยาว เพราะน้ำยาแอร์เป็นอีกส่วนสำคัญในการสร้างความเย็นให้กับเครื่องปรับอากาศ การเช็คน้ำยาแอร์อย่างสม่ำเสมอจึงช่วยให้แอร์ทำให้เกิดการทำงานได้อย่างเสถียรและลดความเสียหายจากการทำงานหนักได้ โดยการตรวจสอบระดับน้ำยาแอร์อย่างสม่ำเสมอยังเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาในระบบของเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ด้วย ซึ่งโดยทั่วไปจะมีการแนะนำให้ทำการเช็คน้ำยาแอร์อย่างสม่ำเสมอทุก 3 - 6 เดือนหรือควรเช็คน้ำยาแอร์ตามคำแนะนำของผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศ 3. เปิดโหมดพัดลมแอร์ (Fan Mode) เพื่อช่วยไล่กลิ่นอับชื้น การเปิดโหมดพัดลมแอร์เพื่อไล่กลิ่นอับเป็นอีกวิธีที่ดีที่ช่วยให้แอร์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยังช่วยยืดอายุการใช้งานแอร์ให้นานยิ่งขึ้น เนื่องจากระบบพัดลมแอร์หรือโหมด Fan จะช่วยในการระบายอากาศและลดความชื้นในห้องได้ และโหมดพัดลมแอร์ยังทำให้อากาศเคลื่อนที่ภายในห้องได้ดีและมีการกระจายลมที่ช่วยให้ความรู้สึกเย็นขึ้นด้วย ซึ่งเป็นการช่วยลดความชื้นที่เป็นปัญหาการเกิดกลิ่นอับได้ และยังช่วยลดการก่อเชื้อโรคอีกด้วยเพราะที่ที่มีความชื้นสูงมักเป็นแหล่งที่เชื้อราและเชื้อโรคชอบอยู่ 4. ทำความสะอาดฟิลเตอร์แอร์เป็นประจำ ควรเช็คฟิลเตอร์แอร์หรือแผ่นกรองอยู่เป็นประจำว่าฟิลเตอร์มีการสะสมฝุ่นมากน้อยแค่ไหน และควรทำความสะอาดฟิลเตอร์แอร์อย่างน้อยทุก ๆ 2 – 3 สัปดาห์ เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องปรับอากาศหรือแอร์และยังเป็นการช่วยลดการสะสมของฝุ่นในระบบของแอร์อีกด้วย 5. เปิดใช้งานแอร์อย่างเหมาะสม ไม่ใช้งานหนักมากจนเกินจำเป็น การเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศหรือแอร์อย่างเหมาะสมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแอร์หรือเครื่องปรับอากาศได้ ทั้งยังสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งสามารถเปิดใช้งานแอร์อย่างเหมาะสมได้โดย - ปรับอุณหภูมิเป็นระดับที่ให้ความเย็นสบาย ไม่เปิดแอร์ที่อุณหภูมิต่ำหรือสูงจนเกินไป โดยควรทำการปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและอุณหภูมิในห้อง เลือกอุณหภูมิที่ทำให้คุณรู้สึกสบายตัวและไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไป - ใช้โหมดอัตโนมัติ (Auto Mode) การใช้แอร์หรือเครื่องปรับอากาศในบ้านเป็นโหมดอัตโนมัติจะช่วยให้เครื่องปรับอากาศสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยังไม่เป็นการทำให้แอร์นั้นเกิดการทำงานหนักจนเกินไป โดยควรปรับอุณหภูมิอัตโนมัติให้เหมาะสมตามสภาพอากาศภายนอก - ปิดแอร์เสมอเมื่อไม่ใช้งาน ควรเลือกเปิดใช้งานเครื่องปรับอากศหรือแอร์ในเวลาใดเวลาหนึ่งและไม่ควรเปิดใช้งานแอร์ตลอดเวลา เพื่อไม่เป็นการใช้งานแอร์หนักจนเกินจำเป็นรวมไปถึงเป็นการยืดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ การปิดเครื่องปรับอากาศหรือแอร์เมื่อไม่ต้องการใช้งาน ยังเป็นการช่วยประหยัดพลังงานและยังช่วยลดค่าใช้จ่ายภายในบ้านได้อีกด้วย ...